Archive for the ‘Uncategorized’ Category

Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

Posted: กันยายน 30, 2010 in Uncategorized

xeon e5620oc 1 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

…สวัสดีครับ สำหรับวันนี้มาพบกับบทความที่เกี่ยวกับการโอเวอร์คล็อคแบบเต็มๆของ CPU for Server ที่มีชื่อทางการค้าอย่างเป็นทางการว่า Intel® Xeon® Processor E5620 กันดีกว่าครับ โดยก่อนอื่นไปชมสเป็คกันก่อนครับว่า CPU ตัวนี้สเป็คมันมีดีอะไรบ้าง

.

Intel® Xeon® Processor E5620
(12M Cache, 2.40 GHz, 5.86 GT/s Intel® QPI)

SPECIFICATIONS

Essentials
Status Launched
Launch Date Q1′10
Processor Number E5620
# of Cores 4
# of Threads 8
Clock Speed 2.4 GHz
Max Turbo Frequency 2.66 GHz
Intel® Smart Cache 12 MB
Bus/Core Ratio 18
Intel® QPI Speed 5.86 GT/s
# of QPI Links 2
Instruction Set 64-bit
Instruction Set Extensions SSE4.2
Embedded Options Available
Yes
Supplemental SKU No
Lithography 32 nm
Max TDP 80 W
VID Voltage Range 0.800V-1.300V
1ku Bulk Budgetary Price $387.00
Memory Specifications
Max Memory Size
(dependent on memory type)
288 GB
Memory Types DDR3-800/1066
# of Memory Channels 3
Max Memory Bandwidth 25.6 GB/s
Physical Address Extensions 40-bit
ECC Memory Supported Yes
Graphics Specifications
Integrated Graphics
No
Package Specifications
Max CPU Configuration 2
TCASE 77.6°C
Package Size 42.5mm X 45mm
Sockets Supported FCLGA1366
Halogen Free Options Available Yes
Advanced Technologies
Intel® Turbo Boost Technology
Yes
Intel® Hyper-Threading Technology
Yes
Intel® Virtualization Technology (VT-x)
Yes
Intel® Trusted Execution Technology
Yes
AES New Instructions
Yes
Intel® 64
Yes
Idle States Yes
Enhanced Intel SpeedStep® Technology
Yes
Intel® Demand Based Switching
Yes
Thermal Monitoring Technologies No
Execute Disable Bit Yes

ORDERING AND SPEC INFORMATION

Ordering and Spec Information

Boxed Intel® Xeon® Processor E5620 (12M Cache, 2.40 GHz, 5.86 GT/s Intel® QPI) FC-LGA10

Socket Step Step TDP Ordering Code SPEC Code Halogen Free VT-x
FCLGA1366 B1 80 Watts BX80614E5620 SLBV4 Yes Yes

Intel® Xeon® Processor E5620 (12M Cache, 2.40 GHz, 5.86 GT/s Intel® QPI) FC-LGA10, Tray

Socket Step Step TDP Ordering Code SPEC Code Halogen Free VT-x
FCLGA1366 B1 80 Watts AT80614005073AB SLBV4 Yes Yes

More Informations >>Click<<

…ใช่เลยครับ CPU ตัวนี้ มีกระบวนการผลิตที่ 32nm แบบเดียวกันกับ Core i7 980X ที่มี 6Cores 12Threads กันเลยทีเดียว แต่ได้ถูกตัด Cores ออก 2Cores 4Threads เหลืออยู่ 4Cores 8Threads เท่ากับ Core i7 ที่มีการผลิตแบบ 45nm เลยครับ แต่ขนาดของ L3Cache ก็ยังคงมากันเต็มๆถึง 12MB ไม่ได้ถูกตัดออกแต่อย่างใด และสุดท้ายที่โดนจำกัดไว้ก็คือ Multiple หรือตัวคูณ จะโดนจำกัดไว้แค่ที่ 18X-20X(Turbo Mode) เพียงเท่านั้น แต่ในเมื่อมีการลดสเป็คบางอย่างลงแล้ว ก็ต้องมีการลดราคาลงมาด้วยอย่างแน่นอน ซึ่งล่าสุดเท่าที่ได้ข่าวมา CPU รุ่นนี้จะมีราคาจำหน่ายในบ้านเราอยู่ที่ประมาณ 14,XXXบาท ผมว่าราคาแบบนี้ค่อยเป็น CPU 32nm สำหรับ Socket LGA1366 ที่น่าเล่นขึ้นมาหน่อยครับ ซึ่งนักโอเวอร์คล็อคหลายๆท่านคงเริ่มกดเครื่องคิดเลขคำนวณกันแล้วใช่มั้ยครับ ว่าจะลากกันไปสุดๆได้เท่าไหร่ กับตัวคูณที่มีจำกัดเช่นนี้ ไม่ต้องกดกันครับ สำหรับบทความนี้ผมจะจัดให้ชมกันอย่างแน่นอน แต่ก่อนอื่นเราไปชมหน้าตาของตัวผลิตภัณฑ์โดยรวมในหน้าถัดไปกันก่อนนะครับ

Product Appearance

Package & Bundle

dsc 0216 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

…ตัวกล่องของ CPU จะมากันแบบเล็กๆ บางเฉียบ ซึ่งพอเห็นกล่องแล้ว ก็น่าจะพอเดากันได้ครับว่า จะไม่มีการแถมฮีตซิงค์ระบายความร้อนมาให้นะครับสำหรับ CPU รุ่นนี้

dsc 0213 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

เทียบขนาดกล่องกับ Core i7 980X เล็กกว่ากันเยอะเลยครับ

dsc 0220 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

มาดูฉลากข้างกล่องกันชัดๆครับ

dsc 0223 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

อุปกรณ์ที่แถมมาในกล่อง จะมีแค่คู่มือเพียงฉบับเดียวที่มีสติกเกอร์สำหรับติดหน้าเคสติดมาด้วยเพียงเท่านั้น

Processor Appearance

dsc 0228 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

…มาดูที่ตัว CPU กันต่อครับ ตัวที่ผมได้รับมาทำการทดสอบนี้ จะเป็นตัว Retail ที่จำหน่ายจริงเลยนะครับ ซึ่งข้อความต่างๆบน Heatspeader ก็จะมีลักษณะตามภาพเลยครับ

dsc 0232 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

…มาชมด้านใต้ CPU กัน LGA1366 แน่นอนครับ แบบนี้น่าจะใช้กับบอร์ดที่ใช้ชิป X58 ได้หมดแน่ แต่ผิดคาดครับ ณ ขณะวันที่ผู้ทดสอบได้ทำการทดสอบนี้ มาเธอร์บอร์ดของทาง GIGABYTE ที่ผู้ทดสอบใช้อยู่เป็นประจำอย่าง GA-X58A-UD7 และบอร์ดที่ยืมมาอย่าง GA-X58A-UD9 จะเปิดกับ CPU ตัวนี้ไม่ติดเลยนะครับ รอ BIOS Update ตัวล่าสุดยังไงก็ยังใช้ไม่ได้ แจ้งไปทาง Technical Support ก็เงียบ ไม่เป็นไรครับ ไปยืมของ ASUS มาเล่นดีกว่า แค่มาเธอร์บอร์ดรุ่นเก่าอย่าง ASUS RAMPAGE II Extreme ก็เปิดติดอัดกันฉลุยแล้วครับ แบบนี้อย่ารอช้า ไปเริ่มกระชากความแรงของ CPU ที่เกิดมาเพื่องาน Server กันที่หน้าถัดๆไปเลยดีกว่าครับ

Test Setup

.SYSTEMS
.CPU ..Intel® Xeon® Processor E5620
.Motherboard ..ASUS RAMPAGE II Extreme
.Memory ..G.Skill Trident PC12800 CL6D-6GBTD 2GB*3 Triple Channel
.Graphic Card ..MSI N480GTX GeForce GTX 480 1536MB DDR5
.Harddisk ..WD1002FAEX SATA3 64MB Cache 1TB
.CPU Cooler ..Water Cooling @ Ambient 25C
.Power Supply ..antec TPQ-1200 Overclocking Version 1200W
.Operation System ..Windows 7 Ultimate 32-bit

 

dsc 0002 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

…วางเซตกันง่ายๆ ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 25องศาเซลเซียส และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เริ่มทำการทดสอบกันในแบบโอเวอร์คล็อคล้วนๆ ตามแนวถนัดของผมกันเลยดีกว่าครับ 

CPU-Z Validation 

vali4190 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

(Click ScreenShot to Validate Link) 

CPU-Z Detail 

c1 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

c2 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

c3 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

c4 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

c5 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

c6 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

.
 

GPU-Z Detail 

c7 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

EVEREST Detail 

ed1 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

ed2 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

…แล้วก็ไปลุยทดสอบที่ความเร็ว 4,190MHz QPI 3,969MHz BClk 220.5MHz UncoreClk 3,528MHz DDR3-1764 7-8-7-21-1T กันดูเลยครับว่าอะไรจะผ่านบ้าง

LinX 0.6.4 Problem size 15500 Memory used 1846MB (All of 32-bit OS) 20Loops 

linx 220 1 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

ความเร็วไม่มีตก แม้จะใช้ตัวคูณ 19 ที่เป็น Turbo Mode ล็อคตัวคูณกันอยู่แน่นอนครับสำหรับบอร์ดนี้ 

linx 220 2 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

จัดกันไป 20Loops กันตามมาตรฐานนะครับ ผ่านสบายครับสำหรับ LinX 

SuperPI 1M 1Thread, 32M 1Thread & 32M 8Threads 

hpi 1 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

hpi 2 720x472 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

(Click ScreenShot to Enlarge) 

ส่วนการทดสอบความเสถียรขั้นต่ำของเว็บไซต์เรา ด้วย SuperPI 32M 8Threads ก็ต้องผ่านกันแบบสบายๆครับที่ความเร็วนี้

WinRAR3.91 ,wPrime2.00 ,CPUMark99 & Fritz Chess

v Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

ผลเทสต์โดยรวมประสิทธิภาพที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจกับความเร็วที่ทำได้ครับ L3Cache 12MB แรงสมสเป็คครับ

CINEBENCH R9.5

c95 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

CINEBENCH R10

c10 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

CINEBENCH R11.5

c115 1 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

c115 2 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

แรงทะลุครับ สำหรับ CineBench Series

PCMark 05

pcm05 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

EVEREST Ultimate Edition 

e1 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

e2 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

e3 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

e4 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

e5 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

e6 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

e7 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

e8 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results 

แรงระดับแนวหน้าครับสำหรับ Everest โดยเฉพาะ AES ระดับ Hardware แรงกันสุดกู่

Sisoft Sandra 2010

s1 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

s2 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

s3 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

s4 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

s5 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

s6 Intel® Xeon® Processor E5620 Overclock Results

4.19GHz ก็แรงแล้วครับสำหรับ Sisoft

สวัสดีครับ สำหรับวันนี้ก็กลับมาพบกับผมกันอีกครั้ง กับรีวิวเลเซอร์เมาส์และแผ่นรองเมาส์สำหรับเกมเมอร์แบรนด์ใหม่ล่าสุดที่กำลังจะเข้ามาทำตลาดในบ้านเราเร็วๆนี้อย่าง OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad มานำเสนอนะครับ ก่อนอื่นเริ่มจากไปชมสเป็คต่างๆของเลเซอร์เมาส์จากทางผู้ผลิตกันก่อนนะครับ

OZONE RADON 5K Laser Precision Advanced Gaming Mouse

Overview & Specifications

5kspec OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

More Informations >>Click<<

มากันเต็มๆความละเอียดระดับเทพที่สูงสุดถึง 5600DPI พร้อมการปรับแต่งต่างๆได้ทุกจุด ไปชมพร้อมๆกันที่หน้าถัดไปได้เลยครับ

Package & Bundle

dsc 0060 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

หน้าตาตัวกล่องจะเป็นพลาสติกใสขึ้นรูปธรรมดาครับ

dsc 0062 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

หน้าตาด้านหลังตัวกล่อง

dsc 0056 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

ของแถมที่แถมมาให้จะเป็นกระเป๋าใหญ่ใส่ตัวเมาส์และกระเป๋าเล็กใส่ตัวเหล็กถ่วงน้ำหนักที่ไม่ได้ใช้งานและสุดท้ายคู่มือครับ

Product Appearance

dsc 0002 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

…ตัวเมาส์ด้านบนเกือบทั้งหมดจะถูกเคลือบผิวด้วยยางเนื้อดีสีดำด้านกันลื่นทั้งหมดครับ และมีการสกรีนโลโก้สีแดงคำว่า O3 ที่หมายถึง OZONE ไว้ด้วย ดำตัดแดงแบบนี้ก็สวยเด่นเลยสิครับ

dsc 0012 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

มุมมองด้านหน้าตัวเมาส์ครับ

dsc 0007 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

…ตัวปุ่มบนเมาส์จะมีทั้งหมด 8ปุ่มนะครับ เริ่มจากปุ่มคลิกซ้าย-ขวา, Wheel Scrollที่เป็นปุ่มกดในตัวอีกหนึ่ง, คันโยกเพิ่มลด DPI, ปุ่มตั้ง Profile ที่ด้านบนตรงกลางตัวเมาส์ และปุ่ม Forward & Back ที่ด้านข้างตัวเมาส์บริเวณใกล้กับนิ้วโป้งครับ

dsc 0017 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

…ตัวเมาส์จะมีลักษณะใหญ่เหมาะสำหรับมือผู้ชาย และยังกว้างกว่าเมาส์โดยทั่วๆไป ทำให้เวลาจับตอนแรกๆจะทำให้รู้สึกไม่ถนัดมือเท่าไหร่ แต่พอเริ่มใช้ไปสักพัก ก็จะเริ่มรู้สึกได้ว่าการที่ตัวเมาส์มีลักษณะกว้างแบบนี้กลับเป็นการดี เพราะทำให้เราไม่ต้องออกแรงเอามือกุมเมาส์แบบที่คุ้นเคย โดยมือเราจะถูกจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดเมื่อใช้งานเมาส์ตัวนี้ครับ

dsc 0009 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

ยางกันลื่นขนาดใหญ่ด้านข้างบริเวณนิ้วโป้ง ช่วยให้การจับเมาส์ตัวนี้ถนัดดีมากครับ

dsc 0011 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

มุมมองอีกด้านครับ  ยางหุ้มกันสนิททั้งตัวดีจริงๆเลยครับสำหรับเมาส์ตัวนี้

พลิกดูใต้เมาส์กันบ้างครับ ว่าเมาส์ตัวนี้จะมีอะไรพิเศษบ้าง

dsc 0024 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

…สายเมาส์ที่เป็นลักษณะลายถักเปีย สามารถตั้งให้ออกไปในทิศทางต่างๆได้ถึง 5ทิศทางตามภาพ งานนี้ถูกใจกันไปเลยครับว่าเราจะจัดวางใช้งานกันแบบไหนให้สายไม่เกะกะ ส่วนตัวเลเซอร์ของเมาส์ตัวนี้จะใช้รุ่น Professional gaming laser sensor Philips PLN 2032 นะครับ

dsc 0025 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

บริเวณนี้สามารถหมุนออกใส่เหล็กถ่วงเพิ่มน้ำหนักตัวเมาส์ได้ตามความถนัด โดยสามารถใส่ถ่วงได้เพิ่มสูงสุดถึง 22.5กรัม ครับ

dsc 0028 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

เมื่อหมุนออกมาจะมีลักษณะดังภาพครับ

dsc 0030 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

สุดท้ายในส่วนของหัว USB ก็จะมีการชุบทองกันออกไซด์แบบเมาส์ชั้นดีทั่วๆไปด้วยครับ

dsc 0016 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

เมื่อชมมุมองต่างๆของตัวเมาส์นี้กันครบแล้วก็ไปลองเสียบใช้งานเลยดีกว่าครับ

พอเสียบเข้าช่อง USB ก็จะมีไฟแสดงสถานะต่างๆขึ้นมาตามภาพเลยครับ ส่วนตัวโปรแกรมไดรเวอร์สำหรับปรับแต่งปุ่มต่างๆของตัวเมาส์นั้น จะอยู่ในตัวเมาส์เลยนะครับ สามารถเอามา Install ได้เลย แต่จะ Supported แค่ Windows OS นะครับ

dsc 0038 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

เริ่มจากไฟตรงปุ่ม Profile ตรงกลางก่อน โดยเมาส์ตัวนี้สามารถตั้ง Profile ได้ 3แบบตามไฟที่แสดงนะครับ โดยเริ่มจากไฟสีม่วง

dsc 0039 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

ไฟสีน้ำเงิน

dsc 0041 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

และไฟสีแดง โดยจะใช้การกดที่ปุ่มวนไปเรื่อยๆนะครับกับไฟ 3สี จนไม่มีไฟก็คือปิดไม่ใช้งานในส่วน Profile ที่ตั้งไว้ใน Driver ครับ

dsc 0042 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

ส่วนไฟที่เป็นขีดบั้งๆด้านซ้ายของตัวเมาส์จะเป็นไฟแสดงสถานะ DPI ที่เลือกตั้งได้ 4ระดับครับ เริ่มจากต่ำสุดที่ 100DPI

dsc 0043 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

.

dsc 0044 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

.

dsc 0047 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

…เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเต็ม 4ระดับที่ 5600DPI ซึ่งจากที่ผมทดลองใช้งานตรง 5600DPI แล้วรู้สึกได้ทันทีถึงความรวดเร็วและแม่นยำในการใช้งานเลยครับ แต่ถ้าคนไม่เคยชินกับความไวระดับนี้ก็ปรับลดลงได้ครับด้วยปุ่มคันโยกตรงกลางเมาส์กับแบบ On-The-Fly ซึ่งในส่วนรีวิวของตัวเมาส์ก็จบลงแล้วนะครับ ไปดูในส่วนของแผ่นรองเมาส์หรือ Mousepad กันต่อเลยนะครับ

Overview & Specifications

exspec OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

More Informations >>Click<<

…มาถึงในส่วน Mousepad รุ่น OZONE EXPOSURE ที่ได้รับมาทดสอบในคราวนี้จะเป็นรุ่นท็อปสุดของ OZONE กันเลยทีเดียว โดย Mousepad รุ่นนี้ จะมีชั้นของวัสดุถึง 4Layers ตามที่บอกไว้ในสเป็คกันเลยครับ ไปดูหน้าตา Product กันต่อเลยดีกว่าครับ

Package

dsc 0068 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

หน้าตาตัวกล่องจะเป็นพลาสติกใสขึ้นรูปกันตามภาพเลยครับ

dsc 0070 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

หน้าตากล่องด้านหลังครับ

Product Appearance

dsc 0074 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

…แกะกันออกมาก็ตามที่เห็นเลยครับ Mousepad 1ชิ้น โดยจะมีลักษณะเป็นแผ่นแข็ง สามารถดัดโค้งงอได้เล็กน้อย แต่ไม่สามารถม้วนเก็บได้นะครับ เพราะว่าวัสดุเคลือบที่ผิวหน้าสัมผัสกับตัวเมาส์จะมีลักษณะแข็งเกินกว่าที่จะม้วนได้นั่นเองครับ

dsc 0075 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

ซูมชัดๆดูสีที่สกรีนและผิวหน้าของ Mousepad นี้ งานดีใช้ได้เลยครับ

dsc 0077 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

สีที่สกรีนโลโก้อีกด้านก็ปราณีตสวยงามเช่นกันครับ

dsc 0079 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

พลิกดูด้านหลังกันบ้าง ผิวยางเนื้อดีเกาะหนึบติดโต๊ะแน่นอนครับแบบนี้

dsc 0081 OZONE RADON 5K Laser Gaming Mouse & OZONE EXPOSURE Mousepad Review

…ซูมดูผิวยางใกล้ๆงานเขาปราณีตดีจริงๆครับ และจากการทดสอบใช้งาน Mousepad ตัวนี้ ก็พบว่าลื่นไหลดีไม่มีอาการสะดุด และการควบคุมเมาส์ต่างๆก็ทำได้ดังใจ ไม่มีข้อตำหนิติติงใดๆสำหรับการทดลองใช้งานนะครับสำหรับ Mousepad ตัวนี้

Kingmax Hercules DDR3 Bus 2200MHz

Posted: กันยายน 30, 2010 in Uncategorized

1 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

สวัสดีครับเจอกะผมอีกแล้ววันนี้มีโอกาสได้เล่นแรมบ้างเลยเอามาฝากกันครับ แรมที่ผมว่านั้นคือ Kingmax Hercules  นั้นเอง มาในกล่องสวยงามซะด้วย2 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

ดูกล่องแบบหน้าตรงกันชัดๆ

[Hercules Series] DDR3 Desktop Overclock Memory Module(NTDT)

Features:

  • 1600MHz / 2000MHz Support Intel & AMD all series
    2200MHz  Support Intel P55 Chipset
  • Adopting NTDT(Nano Thermal Dissipation Technology)
  • ASIC chip embedded for anti-counterfeiting purpose
  • Lead-free production process
  • TinyBGATM technology adopted: with advantages as compact size, well heat dissipation and low EM interference
  • 100% product compatibility and stability
  • High data transfer performance for overclocking enthusiasts and hardcore gamers

Specification:

  • 240-pin DDR3 1600MHz / 2000MHz / 2200MHz
  • CAS Latency: 1600MHz / 2000MHz :CL9
    2200MHz :CL10
  • Bandwidth: 1600MHz (12.8GB/sec)
    2000MHz(16GB/sec)
    2200MHz(17.6GB/sec )
  • Voltage: 1.5~1.8v
  • Capacity:
    Single Channel – 1GB/2GB/4GB (2GB*2)
    Dual Channel – 2GB/4GB/8GB
  • Worldwide lifetime warranty

 

3 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

มาแกะกล่องดูกันดีกว่า ว่าด้านในจะหน้าด้านเหมือนตีแก่แม่ย้อยหรือปล่าว เง้อ

4 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

สวยงามสุดๆ เพ็กเกจดีมากๆครับน่าสะสมมากกว่าใช้นะเนี่ย

5 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

ด้านหลังกล่องบอกรายละเอียด ตามเรื่องตามราว อิอิ 

7 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

อืมไม่เห็นมีซิงค์เลยความเร็วสูง ถึง 2200 ซะด้วย แรงนะเนีย 

6 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz 

ดูงัยก็เท่ อิอิ 

8 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz 

เม็ดแรมสกรีนเป็นคิงเม็กครับ ไม่รู้เลยว่าเอามาจากใหนเง้อ

มาดูชุดในการทดสอบกันบ้างครับ

SYSTEMS
.CPU Intel Core I5  655K
.Motherboard MSI P55A Fuzion
 
.Memory Kingmax Hercules DDR3 2200
.Graphic Card GF7300GT
.Harddisk WD 1TB  Black
.CPU Cooler  H50
.Power Supply TT  750W Blue
Blue.Operation System Windows 7 Ultimate 32-bit

 

มาถึงชุดที่ใช้ทำการทดสอบกันบ้างครับ พอดีว่าได้ CPU แรงๆมาเล่นครับ นั้นคือ Intel Core I5  655K เลยขอลองซะเลยครับกับบอร์ด MSI P55A Fuzion ความ เร็วที่ทำได้ก็ทำเอาผมประทับใจเหมือนกันครับเอาละครับไม่ต้องลีลามากดีกว่า ไปชมผลการทดสอบกันเลยครับกับการระบายความร้อนด้วย H50 ไม่ต้องเน่นความเร็วมาก เอาแรมพอแล้ว อิอิ สำหรับแรมผมทำได้แค่ 2000 นิดๆแต่เป็น CL9 เลยคิดว่าน่าจะไปไกลกว่านี้ แต่ผมทำไม่ได้ เดี๋ยวรอภาค 2 จากลุงเชนนะครับ อิอิ
 

system ram Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz 

ขณะทำการทดสอบ 

LinX0.6.4 

linx Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz 

แรมจะหายใจได้ปล่าวเนียครับลุงเหลิม อิอิ 

Super Pi 1 M 

pi1m Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz 

ความเร็วไม่สูงมาก ก็แค่ 4.6 กับแรม cl9   ตีแก่แม่ย้อยจะงงปล่าวเนีย เง้อ 

Super Pi 1 M 6 core
 

1m6core Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz 

แรงปล่าวเนีย อิอิ 

Super Pi 32M
 

pi32m4core Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz 

อ้าวผ่านซะด้วย  อิอิ 

Mix 

mix Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz 

ผมว่าแรงนะ แต่เฉยๆยังงัยไม่รู้ อิอิ 

Wprime 

wprime Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz 

4.6 กะแรม 2000 cl 9 ได้มาเท่านี้เอง อิอิ

Sisoftware Sandra

s1 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

s2 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

s3 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

s4 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

s5 Kingmax Hercules DDR3  Bus 2200MHz

แรง อิอิ

GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

Posted: กันยายน 30, 2010 in Uncategorized

galaxygts450 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

…สวัสดีครับ สำหรับวันนี้ผมก็มี GPU น้องใหม่ล่าสุดจาก NVIDIA ในตระกูล Fermi ที่มากันในรหัส GF106 ในชื่อทางการค้าอย่างเป็นทางการว่า GeForce GTS 450 มาให้ได้รับชมกันอีกรอบแล้วนะครับ โดยการ์ดในคราวนี้จะมากันในแบรนด์ดังอย่าง GALAXY ที่มากันในชื่อรุ่น GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 ครับ ก่อนอื่นไปชมรายละเอียดต่างๆของการ์ดตัวนี้กันก่อนนะครับ

spec GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

More Informations >>Click<<

ตามด้วยตารางเปรียบเทียบสเป็คคร่าวๆกับการ์ดรุ่นอื่นๆกันต่อเลยครับ

  GeForce 

GTS 450

Radeon 

HD 5770

GeForce 

GTX 460

Radeon 

HD 5830

GeForce 

GTX 465

Radeon 

HD 5850

GeForce 

GTX 470

Radeon 

HD 5870

GeForce 

GTX 480

Radeon 

HD 5970

Shader units 192 800 336 1120 352 1440 448 1600 480 2x 1600
ROPs 16 16 32 16 32 32 40 32 48 2x 32
GPU GF106 Juniper GF104 Cypress GF100 Cypress GF100 Cypress GF100 2x Cypress
Transistors 1170M 1040M 3200M 2154M 3200M 2154M 3200M 2154M 3200M 2x 2154M
Memory Size 1024 MB 1024 MB 768 MB 1024 MB 1024 MB 1024 MB 1280 MB 1024 MB 1536 MB 2x 1024 MB
Memory Bus Width 128 bit 128 bit 192 bit 256 bit 256 bit 256 bit 320 bit 256 bit 384 bit 2x 256 bit
Core Clock 783 MHz 850 MHz 675 MHz 800 MHz 607 MHz 725 MHz 607 MHz 850 MHz 700 MHz 725 MHz
Memory Clock 900 MHz 1200 MHz 900 MHz 1000 MHz 802 MHz 1000 MHz 837 MHz 1200 MHz 924 MHz 1000 MHz
Price $129 $159 $199 $230 $289 $310 $349 $400 $499 $630

หลังจากเปรียบเทียบกันจบแล้ว หน้าถัดไปก็ไปชมตัวการ์ดกันต่อเลยครับ

Package

dsc 0009 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

…หน้าตากล่องด้านหน้าพิมพ์ 4สีออฟเซตสวยงามตามสไตล์ GALAXY ครับ พร้อมสติกเกอร์ GC Version อันถือเป็นอนุกรมรุ่นที่โอเวอร์คล็อคมาจากโรงงานของ GALAXY ครับ 

dsc 0013 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

หน้าตากล่องด้านหลังครับ สเป็คต่างๆถูกบรรยายไว้เพียบอีกเช่นเคย 

Bundle

dsc 0016 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

อุปกรณ์ต่างๆที่แถมมาให้ในกล่องครับ ดูน้อยเพราะว่าที่การ์ดมีหัวต่อครบทุกรุ่น ไม่ต้องมีหัวแปลงอีกแล้วครับ 

Graphic Card Appearance

dsc 0017 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

หน้าตาของตัวการ์ด สวยงามดุดันถูกใจผมจริงๆ ผมดูแล้วคิดว่าสวยกว่ารุ่น GTX 460 ของทาง GALAXY เองอีกครับ 

dsc 0019 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

dsc 0061 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

dsc 0059 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

จัดไปหมุนให้ชมกันทุกๆมุมมอง เพราะการ์ดของเขาสวยจริงๆ 

dsc 0058 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

ด้านหลังการ์ด PCB สีฟ้าเทอคอยส์ กันตามสไตล์ GALAXY ครับ 

dsc 0056 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

…ดูชิปแรมกันชัดๆ Samsung รหัส K4G10325FE-HC05 คลิกตามลิงค์ที่ชื่อเข้าไปดูแล้ว จะเห็นว่ามีความเร็ว 0.5ns หรือ 4,000MHz QDR Speed 

dsc 0029 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

ดูชุดระบายความร้อนกันชัดๆ เย็นไม่เย็นเดี๋ยวได้รู้กัน 

dsc 0031 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

เย็นไม่เย็น เรายังไม่ทราบ ทราบอย่างเดียวว่าถอดออกมาปัดฝุ่นได้ เอกสิทธิ์หนึ่งเดียวของ GALAXY ครับ 

dsc 0042 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

บริเวณช่องเสียบสล็อต PCI-Express จะมีลักษณะแบบธรรมดา เขี้ยวครบครับ 

dsc 0044 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

เขี้ยวครบฟันไม่หลอเพราะใช้ PCB ของตัวเองแบบนี้ มีแววว่าแรงแน่นอนครับ 1GHz จะเห็นอีกรอบไหมนะ 

dsc 0036 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

ช่องเสียบ SLI Bridge 1ช่อง 2-Way SLI Supported กันอีกเช่นเคย 

dsc 0027 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

มุมมองบั้นท้ายการ์ดก็ยังสวยงามอวกาศอยู่เช่นเคย 

dsc 0033 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

ช่องเสียบไฟเลี้ยงแบบ 6พิน 1ช่องครับ ตามมาตรฐานครับ 

dsc 0055 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

การ์ดรุ่นนี้โดดเด่นด้วยซิงค์ระบายความร้อนให้กับภาคจ่ายไฟแบบการ์ดรุ่นใหญ่ๆด้วย แบบนี้ลากสบายใจแน่นอน 

dsc 0022 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review 

การเชื่อมต่อจะมี 3ช่องทาง 1X HDMI , 1X D-SUB และ 1X DVI-D ครับ

System Configuration

 

.SYSTEMS
.CPU ..Intel Core i7 920 @ 4.45 GHZ
.Motherboard ..GIGABYTE GA-X58A-UD7
.Memory ..G.Skill Trident PC12800 CL6D-6GBTD 2GB*3 Triple Channel
.Graphic Card ..GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5
.Harddisk ..WD1002FAEX SATA3 64MB Cache 1TB
.CPU Cooler ..Water Cooling @ Ambient 25C
.Power Supply ..Thermaltake Tough Power 1200W
.Operation System ..Windows 7 Ultimate 32-bit

dsc 0064 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

วางเซตกันง่ายๆ ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 25องศาเซลเซียส

LinX 0.6.4 Problem size 15500 Memory used 1846MB (All of 32-bit OS) 20Loops

linx1 4452 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

linx2 4452 GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

Core i7 920 จัดความเร็วไปที่ 4.45GHz พอครับ ลุย!

Overclocking & Stabilities Test

Graphic Card Information

galaxy450info GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

GPU-Z

gz a GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

…ค่าความเร็ว NVIDIA Default ผมก็จะมีเทสต์ในคราวนี้อีกทีนะครับ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับไดรเวอร์เก่า 259.47 เมื่อคราวที่แล้ว เพราะว่าคราวนี้ผมใช้ไดรเวอร์ R260 260.63 ก็เลยอยากเปรียบเทียบให้ดูกันเลยครับว่าใช้ไดรเวอร์ใหม่แล้วจะแรงขึ้นตามที่ NVIDIA เขาว่าไว้จริงหรือเปล่า

gz df GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

ค่านี้คือค่าความเร็วของ GALAXY ที่ตั้งใน BIOS มาจากโรงงานครับ

gz oc GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

พอลากแบบไม่เพิ่มไฟ โดยไฟเดิมจากโรงงานจะอยู่ที่ 1,050mV ก็สามารถลากกันไปได้ที่ 950/1,900/4,320MHz กันเลยครับ

gz ov GALAXY GeForce GTS 450 GC VERSION 1GB GDDR5 Review

…จากความเร็วเดิมที่โอเวอร์คล็อคมาจากโรงงานที่ 825/1,650/3,696MHz ลากกันไปสุดเสถียรกันที่ 1,000/2,000/4,320MHz กันเลย ถ้าจำไม่ผิดนี่น่าจะเป็นการ์ดจาก NVIDIA รุ่นแรกของโลก ที่ลาก Core กันจนถึง 1GHz ได้ด้วยระบบระบายความร้อนเดิมๆ อย่างมีเสถียรภาพ!! โดยที่ความเร็วสูงสุดในคราวนี้ จะลากไฟเพิ่มจากเดิมที่ตั้งมาจากโรงงาน GALAXY ที่ 1,050mV ไปสุดที่ 1,162mV นะครับ

Intel i7-875K Unlocked Processor Unleashed Power

Posted: กันยายน 30, 2010 in Uncategorized

875k Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power

สวัสดีครับเพื่อนๆสมาชิก Vmodtech.com วันนี้ผมหยิบเอา CPU ของ intel มาลองเทสให้ดูครับ จริงๆแล้ว CPU รุ่น i7 875K LGA 1156 ก็วางตลาดมาได้ซักระยะนึงแล้วละครับพร้อมๆกับ i5 655K จุดเด่นของ i7 875K คือ  i7 870 ที่ไม่ล๊อคตัวคูณครับสามารถปรับได้อิสระแต่ก็ต้องแลกด้วยเงินเพิ่มขึ้นอีกสองถึงสามพันบาทเลยทีเดียว (ณ ปัจจุบัน)

สำหรับ i7 875K อย่างที่กล่าวได้วข้างต้นครับว่ายังคงใช้ Code Name ว่า Lynnfield เหมือนกับ i7 870 ครับ กระบวนการผลิตที่ 45 nm ความเร็วมาตรฐานติดมากับตัวคือ 2.93 GHz และจะดีดขึ้นไปอีกถึง 3.6 GHz ด้วย Turbo Mode ครับ เดี๋ยวเราลองมาดูรายละเอียดคร่าวๆ ที่มาที่ไปของ 875K กันนิดนึง

overclocking Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power

cpu1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
cpu2 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power

เอาเป็นว่าเรามาลองดูประสิทธิภาพพื้นฐานของ i7 875K ที่ใช้กันในชีวิตประจำวันกันดูเลยครับว่าจะมีดีแค่ไหน

สำหรับชุดทดสอบวันนี้ครับ 

system1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
system Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

เซตกันแบบเดิมๆบน Test Bed ส่วนตัวครับ อุณหภูมิห้องประมาณ 27 องศาเซลเซียส 

CPU-Z Validation 

va Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

cpuz1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
cpuz2 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
cpuz3 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
cpuz4 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

cpuz5 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power  

EVEREST DETAILScpu details 1 1 408x720 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
cpu details 2 1 419x720 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Powercpu details 3 1 419x720 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

เช็คความฟิตขั้นต่ำของเว็บ Vmodtech.com
215x20 32m pass 11 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

ทดสอบที่ความเร็ว 4,299 MHz QPI เต็มเหนี่ยวที่ 3,869MHz BClk 215MHz DDR3-1074 9-9-9-24-1T กันดูเลยครับ 

การ Overclock ด้วยไฟสูงๆ อาจะทำให้ System ขาดเสถียรภาพในการทำงาน หรืออาจทำให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์ได้ ดังนั้นขอให้ใช้ความระวังในการ Overclock ด้วย

General Benchmark 

variety 1 478x720 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Powerโดยรวมๆก็เจ๋งดีครับกับผลเทสต่างทั่วๆไป 

CIENEBENCH R10 

cinebenchr10 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

CIENEBENCH R11.5 OpenGL
 

cinebench opengl 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

CIENEBENCH R11.5 CPU
 

cinebench cpu 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

แรงกันถ้วนหน้าเลยครับสำหรับ Cinebench ซีรีย์ 

PCMARK 05 

pcmark05 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power

EVEREST Ultimate Edition 

cacheandmemory 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
cpu queen 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
cpu photo 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
cpu zlib 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
cpu aes 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
fpu julia 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
fpu mandel 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power
fpu sinjulia 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

แรงระดับแนวหน้าเลยครับสำหรับ Everest Suit เพิ่งเคยเห็นคะแนน Memory มหาศาลที่บ้านตัวเองเป็นครั้งแรกครับ เพราะกดอีกครั้งก็ไม่เหมือนเดิม อุอุ

3DMark 05 

05 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

3DMark 06 

06 11 670x720 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

3DMark Vantage 

vantage 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power 

แรงยกแก๊งกันไปครับสำหรับ 3DMark Series

เรามาดูจุดเด่นของ CPU ตัวนี้บ้างครับกับการเพิ่มตัวคูณแล้วใช้ BCLK ต่ำๆ
1 1 Intel i7 875K Unlocked Processor Unleashed Power

หลังจากที่ได้ลองปรับตัวคูณเพิ่มขึ้นแล้วลด BCLK ต่ำๆก็สามารถพา CPU บู๊ตติดที่ 180 x 25 ครับที่ความเร็ว 4,500 MHz แต่ไฟที่จ่ายจาก Bios ดูจะเอ๋อๆ เพราะที่ค่า MHz นี้ ผมจ่าย Vcore ไว้ที่ 1.45v VTT 1.425v แต่เข้ามาที่ windows เพี้ยนครับ  ลองปรับเพิ่มดูก็ดูเหมือนจะกระโดดผิดปกติไปหน่อย Bios ตัวที่ผมใช้คือ A70 ครับล่าสุดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทางทีมงาน EVGA กำลังปรับจูนเพิ่มเติมอยู่ วันนี้คงไม่ทันครับ เอาเป็นว่าฝากเป็นการบ้านกับเพื่อนๆแล้วกันครับสำหรับ CPU i7 875K นี้กับตัวคูณสูงๆด้วยบัสต่ำๆ ฝากไว้นิดนะครับสำหรับการ Overclock อุปกรณ์บางตัวอาจจะรันได้ดีกับ System อื่นแต่กับ System เราอาจจะไปได้น้อย หรือ มากไม่เท่ากัน

ปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ ดูแลรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ จะได้ดื่มดำกับอากาศเย็นๆที่กำลังย่ำกลายเข้ามา

Gigabyte GTX480 1536MB DDR5

Posted: กันยายน 30, 2010 in Uncategorized

185 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

…สวัสดีครับวันนี้ หลังจากรับชม น้องหวานหวาน เรียบร้อยแล้วก็มาชม รีวิวจาก vmodtech กันต่อนะครับ วันนี้แอบเอาของแรงมาเล่นครับ นั้นคือ Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 นั้นเองครับแค่เห็นก็ปลื้มละครับแบบนี้ลุงเชนเสร็จแน่ อิอิ สำหรับการ์ดรุ่นใหญ่ขนาดนี้แทบไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้แรงแน่ๆ แถมด้วยการรองรับ DX11 แบบเต็มๆซะด้วย250 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

ด้านหลังกล่องไม่หวือหวาเท่าไหร่ครับ เรียบๆ335 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

ขนาดยังไม่แกะกล่องยังรู้ถึงความแรงที่อยู่ด้านในเลยครับ 

spec Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5

529 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

แกะกล่องมาแล้วครับโอ้วใหญ่โตอลังการจริงๆครับ ทำลวดลายแปลกตาซะด้วย629 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

ซูมมาดูชัดๆ พัดลมตัวเดียวระบายความร้อนทั้งตัวการ์ด 

729 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

แวะมาดูสติกเกอร์ที่แปะไว้บอกรุ่นครับ 

831 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

ด้านหลังมี  port ต่อเชื่อมมาให้ 3 ด้วยกันครับ คือ 2 DVI และ 1 MINI HDMI 

926 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

มาดูอีกจุดนึงครับ ระบบระบายความร้อนเป็นแบบไปป์ 4 ท่อด้วยกันแบบนี้เองถึงได้เย็น 

1026 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

ครับการ์ดรุ่นใหญ่ขนาดนี้ก็ต้องการไฟเพิ่มเป็นธรรมดา ใช้จุดต่อแบบ 6 pin และ 8 pin อย่างละชุดครับ 

1129 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

อุปกรณ์ที่ประกอปขึ้นมาแต่ละตัวคัดมาแล้วทั้งนั้นครับ อิอิ 

1222 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

…ด้านหลังการ์ดยุบยับไปหมดเลยครับเพียบ เอาเป็นว่าจะหยิบจับก็ระวังอุปกรณ์หลุดติดมือมานะครับ คนอื่นจับไม่เห็นหลุด มีแต่ผมจับหลุดอยู่คนเดียวครับ 

4 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

อุปกรณ์ที่มากับกล่องครับมีสายแปลงหัว HDMI มาให้ด้วย

ระบบที่ใช้ทำการทดสอบ

SYSTEMS
.CPU PHENOM II X6 1090T
.Motherboard Asus  M4A88TD-M/USB3
.Memory G.Skill DDR3
.Graphic Card Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5
.Harddisk WD 1TB
.CPU Cooler Titan  Fenrir
.Power Supply 600W
.Operation System Windows 7 Ultimate 32-bit

 

ครับระบบที่ใช้ในการทดสอบผมยังใช้เป็น AMD เช่นเคยครับที่ความเร็ว 4.2 ในส่วนของการ์ดจากของเดิม 700/924/1641 ลากกันง่ายๆไปที่ 820/1050/1640 แค่นี้ก็ลื่นหัวแตกแล้วครับ ไปชมผลการทดสอบความแรงของ Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 กันดีกว่าครับ โดยเทสที่ความละเอียด 1920*1080 ครับ 

131 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

บรรยากาศขณะทำการทดสอบ 

3Dmark03 

03 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

โหขนาดบน AMD ที่ความละเอียด 1920*1080 ยังทำคะแนนไปถึง 6หมื่นห้า สุดยอดจริงๆ 

3Dmark05 

05 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

แรงไม่ธรรมดาจริงๆ เกือบสามหมื่นกันเลยครับ 

3Dmark06 

06 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

555 สองหมื่นสามไปแล้วครับแรงน่ากลัวจริงๆ

Crysis 

fcrisis Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

เฟรมเรทสูงสุดที่ 98.47 กันเลยลื่นหัวแตกเลยครับ อิอิ 

Final Fantasy XIV 

ffxivwinbenchmark 2002 01 17 23 40 43 73 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

คะแนนเกือบ 5000 โอ้วแบบนี้ลุงเชนจะไล่ทันมั้ยเนี่ย 

Lost Planet 2 

lp2dx11 2002 01 19 18 26 23 77 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

จัดไปครับ A  กับเฟรมเฉลี่ยที่ 73.4 ครับ  แรงสุดๆ 

Re5 DX10 

re5dx10 2002 01 19 18 57 28 05 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

S ติดดาวกันไปเลย 

S.T.A.L.K.E.R. 

sralker Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

แรงหัวแตกกันไปเลย 

Street Fighter 

streetfighteriv benchmark 2002 01 18 00 57 59 78 Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

30k ครับสุดยอดมาก 

TLR 

tlr Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

แรงทุกเกมส์

Temp 

temp Gigabyte GTX480 1536MB  DDR5 

สำหรับอุณภูมิสูงสุดอยู่ที่ 86 องศาครับถือว่า ร้อนเหมือนกันนะเนี่ยแต่ความเร็วที่จัดออกมาสุดๆเลยครับ

 

Canon EOS 500D Front View  

คุณสมบัติที่น่าสนใจ

  • ความละเอียด 15 ล้านพิกเซล
  • ระบบ Face Detect AF Live View ถ่ายภาพคนเวลาใช้ Live view ได้ง่ายขึ้น
  • เมนูภาษาไทย
  • กราฟฟิคช่วยการทำงานแบบใหม่ ให้การถ่ายภาพสำหรับมือใหม่ ถ่ายได้ง่ายๆ พร้อมคำอธิบายช่วยเหลือ ภาษาไทย ในเกือบทุกเมนู
  • ถ่ายภาพ VDO ได้ถึงระดับ Full HD
  • ระบบ Peripheral Illumination Auto Correction แก้ขอบภาพดำ ที่เกิดจากเลนส์ด้วยคุณภาพ

กระแสในปี 2009 : Canon 500D

ที่มา : google trend 2009 (เฉพาะ Thailand)

 

กล้อง Canon EOS 500D นับเป็นก้าวสำคัญของ Canon ที่จะเจาะใจคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ใช่เพียงแค่นำกล้อง DSLR ติดตัวไปถ่ายภาพนิ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ความสามารถด้าน การถ่ายภาพ Video ในระดับ Full HD นี้ จะเป็นตัวผลักดันให้ การถ่ายภาพเคลื่อนไหวด้วยกล้อง DSLR เป็นไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น แม้ว่านี่ไม่ใช่กล้อง DSLR ตัวแรกที่สามารถถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ก็ตาม เพราะกล้อง DSLR ตัวแรกที่ถ่าย Video ได้ของค่ายนี้ เป็นกล้องระดับสูง ที่เกินเอื้อมของบุคคลทั่วไป แต่ตรงกันข้ามกับ Canon EOS 500D ซึ่งจัดเป็นกล้อง DSLR ที่ถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้ ในราคาที่ใครๆก็สามารถซื้อหามาใช้ได้ โดย ไม่เดือดร้อนเงินในกระเป๋ามากนัก ซึ่งนั่นหมายถึงความสนุก จากการถ่ายภาพ Video ในระดับคุณภาพ จะมาเยี่ยมเยียนถึงครัวเรือนทั่วไปอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ Canon EOS 500D แม้ดูภายนอก จะมีเรือนร่างที่เล็กกะทัดรัด แต่ถ้าดูความสามารถของมันแล้ว จะเห็นได้ว่า เป็นกล้องที่ ทรงประสิทธิภาพมากเลยทีเดียว มีลูกเล่นการใช้งานที่ครบถ้วน สูสีกับรุ่นพี่ๆ ที่ตัวใหญ่กว่า ไม่ว่าจะเป็นขนาดภาพ 15MP , จอ LCD ขนาดใหญ่ ที่แสดงภาพได้ละเอียดมาก และแสดงสีสันได้สดใส ประกอบกับระบบ Live View และ ระบบถ่ายภาพ Video นี่คือกล้อง ที่หาตัวจับได้ยากตั้งแต่เปิดตัวจริงๆ 

Canon EOS 500D Creative Auto or CA mode

มือใหม่ก็ถ่ายสวยเหมือนมือเก๋าได้ ด้วย Creative Auto : CA

แม้ว่าจะไม่ใช่กล้องตัวแรกที่มีโหมด CA นี้ เพราะกล้องรุ่น Canon EOS 50D ได้ทำออกมาแล้ว แต่การที่ไปใส่ CA ไว้กับกล้องระดับกลางกึ่งโปรอย่าง EOS 50D ก็ดูจะแปลกๆอยู่ แต่พอมีการใส่โหมด CA ให้กับกล้อง Canon EOS 500D ที่จับกลุ่มมือใหม่มากขึ้น ก็ดูเหมือนว่าเจ้าโหมด Creative Auto นี้จะลงตัวกับกล้องรุ่นล่างอย่าง 500D นี้มากกว่า เพราะโหมด CA นี้ จะช่วยให้มือใหม่ สามารถควบคุมลักษณะผลลัพธ์ภาพ มากกว่าการที่จะต้องมานั่งเรียนรู้ว่า ทำอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์แบบนั้น เช่น ถามมือใหม่ใครก็ได้ว่า ทำอย่างไรให้ได้ภาพที่สว่างขึ้น ก็คงจะตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของผู้ที่ยังใหม่อยู่สำหรับการถ่ายภาพ แต่ทุกคนก็จะสามารถเรียนรู้ได้ไม่ยากว่า ถ้าต้องการให้ภาพสว่างขึ้น ก็แค่ปรับแถบด้านบนของโหมด CA ไปทางหนึ่ง ก็จะได้ภาพสว่างขึ้น หรือ ถ้าอยากให้ฉากหลังดูเบลอ ก็แค่ปรับแถบด้านล่างของโหมด CA ไปทางหนึ่ง ซึ่งมันเป็นการง่ายกว่ามาก สำหรับคนทั่วไป ที่ส่วนใหญ่จะรู้ว่าเขาต้องการให้ภาพออกมาอย่างไร มากกว่าจะรู้ว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้น เรียกว่าเทคนิคอะไร นี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เป็น User Friendly มากยิ่งขึ้น ขอปรบมือให้ Canon เลยสำหรับโหมด Creative Auto ได้ใจมือใหม่มากๆ หรืออย่างน้อย ก็มีอะไรให้เขาเลือกได้มากขึ้น มากกว่าแค่เปิด Full Auto แล้วก็ลืมทุกอย่างไปให้หมด เหมือนเมื่อก่อน 

Canon EOS 500D VDO Full-HD

ถ่าย VDO ได้ในระดับ Full HD : 1920×1080

แม้จะดูขลุกขลักอยู่บ้างกับเรื่องระบบออโต้โฟกัส แต่ถ้าสิ่งที่เราถ่ายไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมากนัก ระบบ AF ในแบบ Live Mode ก็พอจะเอาอยู่ หรือถ้าถ่าย VDO ภาพคนอยู่ ก็ให้ปรับเป็น AF แบบ Face Detection Live Mode ก็จะดี เพราะจะมีกรอบโฟกัสภาพที่หน้าคนให้ เหมือนเวลาใช้งานกล้อง compact อย่างไงอย่างงั้น ก็สะดวกดี และคุณจะแน่ใจได้ว่า กำลังโฟกัสภาพไปที่ใบหน้าของคนไม่ใช่ฉากหลัง ประกอบกับคุณภาพของภาพในระดับ Full HD ที่ 1080 คุณจึงมั่นใจได้ว่า ภาพ VDO ที่ได้จากกล้อง Canon 500D ตัวนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ การใช้งานแม้จะดูขัดๆอยู่บ้างในตอนแรก แต่เมื่อคุ้นเคยดีแล้ว ก็ถือได้ว่าการถ่ายภาพในโหมด VDO ก็ใช้งานได้คล่องตัวดีไม่น้อย โดยเฉพาะการที่สามารถปรับโหมดถ่ายภาพ VDO ได้ที่แป้น Mode โดยตรง ซึ่งเป็นที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว กับการถ่ายภาพ VDO ของกล้อง compact ทำให้ใครๆ ก็ถ่ายภาพ VDO ด้วยกล้อง 500D นี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก หรือถ้าอยากมั่นใจเรื่องการโฟกัส ลองปรับเป็น MF ที่เลนส์ดู แล้วใช้ระบบช่วยขยายเพื่อการโฟกัส โดยการกดปุ่ม zoom + จะได้ภาพในมุมมอง 5 เท่าจากปกติ หรือเพิ่มเป็น 10 เท่าจากปกติได้ด้วยการกดปุ่ม zoom + ไปอีก 1 ครั้ง เพียงเท่านี้ คุณก็สามารถสักเกตความชัดของการโฟกัสได้ด้วยตัวคุณเอง 

ไฟล์ภาพขนาดใหญ่ถึง 15MP เยอะพอสำหรับคำว่าคุณภาพ

แม้ว่าจะเป็นกล้องรุ่นล่าง แต่ด้วยจำนวนพิกเซลที่เยอะถึง 15 ล้าน คุณจึงมั่นใจได้จริงๆว่า Canon EOS 500D ตัวนี้จะไม่ทำให้คุณหน้าแตก ไปพร้อมๆกับรูปที่แตกละเอียด เวลานำไปขยายใหญ่โชว์ผลงานของคุณให้ใครชมแบบจุใจเต็มๆตา หรือตรงกันข้าม หากต้องการนำภาพไป crop เพื่อจัดองค์ประกอบภาพใหม่ ก็มีจำนวนพิกเซลให้ใช้งานได้อย่างเหลือเฟือจริงๆ 

เมนูภาษาไทย

Canon 500D Thai Language ภาษาไทย เรียกได้ว่ามีเฮสำหรับคนไทยจริงๆที่การใช้งานกล้อง Canon 500D จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะทาง Canon ได้บรรจุภาษาไทยไว้ในกล้อง EOS 500D นี้ทุกตัวอยู่แล้ว เพราะแค่เราต้องเข้าไป set ในเมนูย่อยบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อเราปรับเป็นภาษาไทยแล้ว การทำความเข้าใจเมนูต่างๆ หรือ แม้แต่คำเตือนเมื่อเราทำอะไรผิดไป หรือ เตือนเพื่อไม่ให้เราทำอะไร ซึ่งจะเตือนออกมาเป็นภาษาไทย ทำให้เราเข้าใจการทำงานของกล้อง และปฏิบัติได้ถูกต้องมากขึ้น ง่ายขึ้น ไม่ต้องงงกับคำเตือนที่เรารู้ว่าเตือน แต่ไม่เข้าใจว่ากำลังจะเตือนอะไร เพราะกล้องพูดกับเราคนละภาษาอีกต่อไป คราวนี้กล้องตัวนี้ไปฝึกพูดภาษาไทยมาแล้ว เป็นกรณีพิเศษจริงๆ 

ระบบ Peripheral Illumination Auto Correction ชื่อยาวแต่ใช้ง่าย

Canon EOS 500D Peripheral Illumination Auto Correction เป็นแนวความคิดใหม่ที่ใส่มาให้กับกล้องระดับล่างอย่าง Canon EOS 500D ตัวนี้ อาจจะด้วยที่ว่าเลนส์ kit ที่มากับกล้องรุ่นพวกนี้ มักจะมีปัญหาหลักติดตัวมาด้วย (ตามราคาค่าตัว) ก็คือ อาการบริเวณขอบของภาพที่กำลังจะถ่าย จะดูมืดกว่าบริเวณกลางภาพเสมอ ยิ่งถ้าเปิดรูรับแสงกว้างๆด้วยแล้ว ก็จะยิ่งเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น Canon ได้เห็นความสำคัญของปัญหานี้ กับลูกค้าของตน จึงได้ทำระบบ Peripheral Illumination Auto Correction นี้ขึ้นมา ด้วยหวังว่าหาก Canon ย้ายฐานการผลิตฯ บางส่วน ล่วงหน้ามาก่อนก็น่าจะดี อย่างไรก็ตามในปัจจุบันยังจำกัดจำนวนรุ่นของเลนส์ ที่ระบบนี้จะทำงานได้อยู่ …. ชนิดเท่านั้น เพราะกล้องจะต้องรู้จัก คุณสมบัติเฉพาะของเลนส์ตัวๆนั้นแล้ว เพื่อที่จะสามารถคำนวณภาพ โดยชดเชยความสว่างให้กับบริเวรขอบของภาพได้ถูกต้องนั่นเอง 

ตัวอย่างภาพจากระบบ Peripheral Illumination Auto Correction

Canon EOS 500D Peripheral Illumination Auto Correction - use Canon EOS 500D Peripheral Illumination Auto Correction - not use อาการขอบภาพมืด ที่มักจะพบได้ เมื่อถ่ายพื้นโล่งๆ และใช้เลนส์มุมกว้างมากๆ ประกอบกับการใช้รูรับแสงกว้างๆ จะทำให้บริเวณขอบของภาพดูเข้ม หรือมืดกว่าบริเวณกลางภาพ หรือที่เรียกว่า Vignet อันเกิดจากตัวเลนส์ราคาประหยัด โดยทั่วไป แต่การเปิดระบบ Peripheral Illumination Auto Correction ช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เพียงแค่ต้องใช้ร่วมกับเลนส์ที่กล้องรู้จักเท่านั้น

ศึกแดงเดือดระหว่าง “แมนยู” VS “ลิเวอร์พูล” ว่าระทึกใจแล้ว !!! วันนี้นายโรมันขอเสนอสิ่งที่เร้าใจกว่าคือแมตช์การปะทะตัวต่อตัวในศึกกิมจิ LED TV นรกแตก !!! LG LED TV รุ่น LE5500 เจอตัวต่อตัวกับ Samsung C6200 ซึ่งด้วยระดับราคาและรูปทรงการดีไซน์แล้ว ทำให้หลายๆท่านยังเกิดอาการหวั่นไหวอยู่ว่าจะเลือกตัวไหนดี ทางเราเลยจับมาตั้งเจอกันตัวต่อตัวซะเลย ให้รู้ดำรู้แดงไปเลยว่าใครแน่กว่าใรครับ

            
การประชันกันในศึกกิมจิ LED TV นรกแตกระหว่าง Samsung VS LG 

กติกา: เพื่อให้แฟร์กับทั้ง 2 Brand นะครับผมใช้ HD Player อย่าง Dvico, Mede8er ในการเล่น Content นะครับ และใช้เครี่อง PlayStation 3 ในการทดสอบเกมส์และแผ่น Blu-ray ครับ โดยต่อผ่าน HDMI Splitter และใช้ HDMI ของ LCDTVTHAILAND เองความยาวเท่ากันคือ 2 เมตร เพื่อให้ตัวแปรเรื่อง Input นั้นแม่นยำและเป็นกลางอย่างแท้จริงครับ !!! 

ยก
เกณฑ์การตัดสิน
1
ดีไซน์
2
ความดำ+การคุม Backlight
3
สีสัน
4
การแสดงภาพในที่มืด
5
สัญญาณ True Vision
6
เกมส์ PS3
7
เสียง
8
การประหยัดไฟ
9
ช่องต่อ
10
ลูกเล่น
11
ขนาดจอ
12
ราคาและความคุ้มค่า

มาดูสเป็คเทียบกันตัวต่อตัวเรียกน้ำย่อยกันก่อนครับ เปรียบเป็นมวยเนี่ยคือพวก “น้ำหนักตัว” “ช่วงชก” “ส่วนสูง” ได้เลยนะเนี่ย !!

Brand
Samsung
LG
Model
40C6200
42LE5500
Size
40″
42″
Resolution
1920 x 1080
1920 x 1080
Video Processor
Hyper Real Engine
Dual XD Engine
Contrast
4,000,000:1
5,000,000:1
Refresh Rate
Motion Plus 100Hz/120Hz
TruMotion 100Hz/120Hz
Panel
Ultra Clear Panel
S-IPS Hard Panel
Picture Sensor
Eco Sensor
Intelligent Sensor
HDMI
4
4
USB
2
2
Internet
No
NetCast
Media
No
Game
Bluetooth
No
Yes
PIP
Yes
No
Design
Crystal Design
INF)NIA
Price
49,990
49,990

ยกที่ 1 :ดีไซน์
ซ้ายมือถือ Samsung C6200 นะครับ ส่วนขวามือคือ LG LE5500 กรอบของ Samsung เป็น Crystal Design แบบ Graphite พร้อมขาตั้งแบบ Quadlegged Stand ส่วน LG มาแบบกรอบสีดำเงา มีขลิปไล่เฉดสีแดงตามกรอบทีวี เด่นที่โลโก้ LG เรืองแสงได้ ทั้งคู่มีปุ่มกดแบบสัมผัสและขาตั้งสามารถปรับหมุนซ้ายขวาได้ทั้งคู่ครับ

 
ตั้งประชันกันแล้ว SAmsung 40C6200 อยู่ด้านซ้าย และ LG 42LE5500 อยู่ด้านขวา


Samsung Crystal Design และ LG มีไฟสีขาวเรืองแสงตรงโลโก้


Samsung เป็นรีโมททรงดำเรืองแสงได้ ของ LG เป็น Glossy Black ดูหรูหรากว่าแต่เรืองแสงไม่ได้

คะแนนยกที่ 1 : ดีไซน์
โดยรวมแล้วกรรมการยกให้ Crystal Design ที่ดูแล้วมีความหรูหรากว่ากรอบสีดำ Glossy Black ของ LG ครับ และก็มาเฉือนอีกนิดนึงที่รีโมทคอนโทรลที่มีไฟ Backlight เรืองแสงได้
LG = 7.5
Samsung = 8

 

__________________________

ทดสอบภาพ

สำหรับการเปรียบเทียบเรื่องภาพนั้น ทางทีมงานจะ Based การตั้งค่าภาพไว้ที่โหมด Standard ซึ่งเป็นโหมดที่เหมาะสมในการดูแบบทั่วไปที่สุดครับ มาดูกันวิว่าโรงงานเซ็ตภาพแบบไหนมาให้คนทั่วไปได้รับชมกัน ไม่มีการปรับค่าภาพให้ตัวใดตัวหนึ่งให้แปลกพิสดารแหวกแนวใดๆทั้งสิ้น (รูปถ่ายอาจมีสีแสงผิดเพี้ยนไปบ้าง ลองดูพร้อมคำอธิบายนะครับ)

โหมดภาพที่ใช้ทดสอบคือโหมด Standard จากโรงงานเหมือนกันครับ  


หน้าตาเมนู Sanmsung เป็นแบบ Text + Icon ส่วน LG จะเน้นเป็นรูป Icon ใหญ่แบบพวกมือถือ 

__________________________

ยกที่ 2: ทดสอบความดำและการคุม Backlight (Black Level & Backlight Control)
เริ่มยกที่สอง ผมเปิด Content หากินของผมซึ่งก็คือ “พระจันทร์ในคืนมืด” ของ Pioneer ซึ่งจะวัดระดับสีดำและการคุม backlight ให้เห็นกันจะจะ เป็น Content ปราบเซียนมานักต่อนัก !!! Samsung ใช้ Ultra Clear Panel จึงทำให้ความดำนั้นดูดำลึกกว่า ส่วนการคุมแสงไฟ Edge LED ก็ทำได้ดีเช่นกัน คือรั่วน้อย แต่รั่วแบบทั่วถึงทำให้ดูแล้วเนียนตา 

ในขณะที่ LG LE5500 นั้นใช้จอ LCD แบบจอด้าน ทำให้ดูดำลึกน้อยกว่า แต่แลกมากับการป้องกันแสงสะท้อนได้ดีเยี่ยมมากครับ ส่วน Edge LED ของ LG นั้นสามารถทำ Local Dimming ได้ แนะนำให้เปิด On ไว้ตลอด แต่การ Dim ของ Edge LED ก็ไม่ได้เทพเท่า Full LED อยู่ดี การรั่วของ Backlight เลยเป็นหย่อม อย่างในรูปก็จะรั่วบริเวณขอบบนและขอบล่างของพระจันทร์เพราะมันเล่นเปิดหลอดไฟแต่บริเวนั้นเพื่อส่องไฟไปเลี้ยงให้พระจันทร์สว่าง ในขณะที่ขอบด้านซ้ายและขวานั้นสามารถทำได้มืดสนิทครับ 


ทดสอบความดำ Samsung ใช้จอ Ultra Clear Panel คุมแสงดีมาก ดำลึกกว่า ส่วน LG เป็นจอ S-IPS แบบจอด้าน เป็น Edge LED มีความสามารถในการทดำ Local Dimming แต่ก็ยังเห็น Leakage ได้มากกว่า


อีกซักรูปทดสอบความดำใช้ Demo Content ของ Sony ซะเลย (จะได้เป็นกลาง) 
ชอบแบบไหน จอกระจกอาบมัน ดำลึกแต่สะท้อน VS จอด้าน ดำน้อยกว่าแต่ไม่สะท้อน 


อีกซักฉากกับจอ Ultra Clear Panel แบบดำเงา VS จอ S-IPS แบบดำด้าน
 

คะแนนยกที่ 2: ความดำและการคุม Backlight
Samsung = 8
LG = 7.5
ยกที่ 3: สีสัน (Color)
สำหรับ LED TV นั้น เป็นอันที่รู้กันว่าสีสันจะจัดจ้านกว่าพวก LCD TV ทั่วไปครับ และเรามาดูความสามารถในการแสดงสีของทั้ง 2 ตัวกันเลย 

ทดสอบ White Balance โหมด Standard เหมือนกัน Samsung จะออกอมแดง
และ LG จะออกอมเหลือง คือแอบเพี้ยนทั้งคู่ (ดูใบหน้าและสีขาวข้างหลังได้)


สีของ Samsung จะออกแนว “เข้มข้นลึก” ของ LG จะเน้น “สว่างแห้ง”


Samsung เด่นที่สีแดง ดูจากใบหน้าได้ ส่วน LG ใบหน้าจะเด่นออกอมเหลือง
วิธีแก้สามารถไปปรับ White Balance ลดสีที่โอเว่อร์ลงมาได้ครับ


อีกซักรูปเลย ดูใบหน้าได้ นึกว่าใบหน้าของคมผิวสีดำออก “อมแดง” และ “อมเหลือง”
รวมถึงเฉดสีน้ำเงินที่เป็นเสื้อแขวนอยู่ด้านหลัง ก็ต่างครับ

มาดูการเทสต์สีแบบ RGB Red Green Blue กันดีกว่าครับ 
ว่าแม่สีของทีวีแต่ละเครื่องจะแสดงออกมาแนวไหน


Samsung ออกแดงเข้ม LG ออกแดงสว่าง


Samsung ออกฟ้าเข้ม LG ฟ้าสว่างอมเหลืองเล็กน้อย (ไม่ใช่ฟ้าเหลืองนะ)


ใบหน้ายังเป็นเอกลักษณ์ครับ Samsung ใบหน้านักเทนนิสจะออกอมแดง ส่วนเสื้อสีเขียวก็เป็นโทนเข้มข้น
ส่วน LG ใบหน้าก็จะอมเหลือง เสื้อก็จะออกโทนสีเขียวอ่อนกว่าเล็กน้อย
 

คะแนนยก 3: เรื่องสีสัน (Color)
ตัดสินลำบากจริงๆ เพราะผมว่าดีคนละแบบ แต่กรรมการเห็นว่าความเข้มข้นของสีของและความอิ่ม (Saturation) เวลาแสดงภาพของ Samsung C6200 มีมากกว่า  เหมือนเป็น Maximum ที่ถ้ามาขุดใช่้จริงเป็นประโยชน์มากเช่นตอนดู  TrueVision เลยเฉือนคะแนนไปนิดหน่อยครับ
Samsung = 8
LG = 7
__________________________

 

ยกที่ 4: การแสดงรายละเอียดในที่มืด
แน่อนว่าหากใครชอบดุหนังมืดแล้ว บางทีสีดำหรือรายละเอียดจมหายลงไปในที่มืดเนี่ย คงไม่สบอารมณ์แน่ๆ Samsung ให้สีดำดำลึกก็จริง แต่เรื่องความดำของภาพนั้นเหมือน “ดาบ 2 คม” จะทำให้การแสดงภาพในที่มืดนั้นดำจมลงไปด้วย (Case เดียวกับ V20 และ X20 ของ Panasonic) ในขณะที่ LG ที่หน้าจอเป็นจอ “ดำด้าน” และ Edge LED สามารถทำ Local Dimming ได้ ทำให้เวลาเจอฉากมืดๆ LG ยังคงสามารถแสดงรายละเอียดออกมาได้ดีอยู่ครับ

 


ฉากทดสอบ Dynamic Contrast ด้วยรายละเอียดบริเวณหูซ้ายของคุณลุงบรูซ วิลลิส


ฉากในถ้ำมืดของเรื่อง Apocalypto


Samsung สีอิ่มกว่าก็จริง แต่เจอฉากดำบางทีความดำความเข้มมันก็ทำให้ “ดำจม” ได้
ส่วน LG ภาพออกแนวสว่างไบรท์อยู่แล้ว ไม่ค่อยมีปัญหา


บริเวณปากมุมขวาล่างของพระเอก Jake Sully ของ Samsung ดำจมลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ส่วน LG แสดงรายละเอียดออกมาได้ครบหมด 


อีกซักรูปที่ Panel S-IPS ของ LG สามารถแสดงรายละเอียดภาพในที่มืดได้ดีกว่า


Samsung Ultra Clear VS LG S-IPS Panel

คะแนนยกที่ 4: การแสดงรายละเอียดในที่มืด
จริงๆแล้ว samsung ก็สามารถแสดงรายละเอียดในที่มืดใช้ได้นะครับ แต่จอ LCD แบบจอด้านอย่าง S-IPS ก็ทำได้ดีกว่า ทำให้ยกนี้ LG เป็นฝ่ายเฉือนกลับไปบ้าง
Samsung = 7.5
LG = 8
ยกที่ 5: ทดสอบ TrueVision
สำหรับการดู TrueVision ในโหมด Standard ผมฟันธงให้ดังนี่ว่า Samsung สามารถให้คุณภาพของภาพได้ดีกว่า คือ “สีสันดูอิ่ม” และ “โมเสกแทบไม่มีเลย” ในขณะที่ LG LE5500 คุณภาพของภาพก็ใช้ได้เช่นกัน แต่ความคมชัดอาจจะยังสู้ Samsung C6200 ไม่ได้ครับ ในที่นี่ใครมี Samsung C6200 น่าจะเห็นคล้ายๆกับผมว่าภาพมันดูอิ่มเหมือนดูจาก DVD ที่มีคุณภาพดียังไงยังงั้นเลย !!!

คะแนนยกที่ 5: ทดสอบ TrueVision
Samsung = 8.25
LG = 7

__________________________

ยกที่ 6: ทดสอบกับเกมส์ PS3
ผมเชื่อว่าหลายๆท่านซื้อ LED TV มีจุดประสงค์นอกจากดูทีวีดูหนังแล้ว ก็เอาไว้เล่นเกมส์นี่แหละครับ ผมทดสอบง่ายๆเลย โดยการต่อ PS3 ผ่าน HDMI Spiltter เข้าสู่ทีวีทั้ง 2 ตัว และเปิดเป็น “Game Mode” ทั้งคู่ โดย Game Mode ของ LG นั้น “หาง่ายกว่า” เพียงแค่กดปุ่ม AV Mode ไล่ไปเรื่อยๆครับ จะเป็นโหมดภาพ Cinema / Sports / “Game” ส่วนของ Samsung นั้นต้องลงไป “ล้วงในเมนูลึก” ซึ่งจุดประสงค์ของ Game Mode นั้นเท่าที่ผมดูแล้วก็คล้ายๆกัน คือจะปรับ “สีสันให้สดใส แต่ไม่สว่างจนแสบตา” เมื่อนั่งใกล้ๆจอ และจำทำการ Bypass พวกเมนูปรุงแต่งภาพเช่น TruMotion หรือ Motion Plus ให้เป็น Off ทั้งหมด เพื่อป้องกัน Input Lag ครับ ผมการทดสอบคือการเคลื่อนไหวของภาพก็สูสีกัน ไม่มี Input Lag แต่อย่างใด ผมนั่งเล่นแบบดู 2 จอไปเลย โทนสีก็ดีคนละแบบครับ 


อาการอมแดงของ Samsung และ อมเหลืองของ LG ยังตามมาหลอกหลอนเรา
ไม่เว้นแม้กระทั่งในเกมส์ Steeet Figther 4 !!!


เริ่มแล้วครับการ Bypass เมนูการปรุงแต่งภาพช่วยไม่ให้มีภาพ Delay เกิดขึ้น


ทั้ง 2 จอแสดงพร้อมกันเป๊ะ กดปุ่ม “ต่อย” ก็แสดงพร้อมกันเป๊ะ !!!
เงื่อนไขคือ HDMI ของ LCDVTHAILAND ความยาว 2 เมตรทั้งคู่ครับ


เลยเล่นกันเพลินไปเลย Street Fightner เหมาะกับการ test Input lag อย่างยิ่ง 
เพราะมันเป็นเกมส์ที่ป้อนคำสั่ง (กดปุ่ม) และต้องการการตอบสนองแบบ Real Time จริงๆ


โทนสี ดูกันเอาเอง เข้มข้นก็ Samsung ถ้าสว่างใสก็ LG

คะแนนยกที่ 6: ความสามารถในการเล่นเกมส์ (Gaming: PS3)
ผมให้เสมอกันครับยกนี้ คือโหมดเกมส์ทำหน้าที่ไม่มีผิดพลาดทั้งคู่ อาการ Input lag หรือ ภาพ Delay ก็ไม่มีให้เห็นครับ ภาพเคลื่อนไหวก็ลื่นไหลสูสีกันทั้งคู่ จัดได้ว่า LED TV ในตลาดตอนนี้ตัวไหนไม่มี Game Mode เนี่ยเชยระเบิดไปเลย !!!
Samsung = 8
LG = 8

__________________________



ยกที่ 7: เสียง (Sound)
สำหรับเสียงทั้งคู่ออกแบบมาคล้ายๆกันครับ คือ เป็นลำโพงแบบยิงลิงล่างทั้งคู่ กำลังขับคือ 10 Watts + 10 Watts ส่วนระบบเสียง Surround ของ Samsung เรียกว่า SRSTruSurround HD ของ LG เรียกว่า Infinite Sound คุณสมบัติคล้ายๆกันครับ คือให้เสียงโอบล้อมมีมิติเหมือนกัน (แต่ผมไม่เคยเปิด) ส่วนลูกเล่นอย่าง ช่องต่อ Optical Out  เพื่อเอาเสียงไปออก AV Reciever หรือ Home Theater ก้มีเหมือนกันครับ ลองฟังดุแล้ว LG จะออกโทนแห้ง นิ่งๆเรื่อย (Flat Tone) ของ ของ Samsung ออกแนวบาดหูเล็กๆตามสูตร ยังดีมี Woofer อยู่ข้างหลังช่วยให้เสียงมีน้ำหนักขึ้นมาหน่อย !!!


หน้าตาเมนูเสียงของ Samsung และ LG

คะแนนยกที่ 7: เสียง (Sound)
ยกนี้คุณ Luffy ช่วยฟัง+ฟันธงให้ครับ Samsung เสียงมี Dynamic และหนักแน่นกว่านิดหน่อยเลยเฉือนไป
Samsung = 7.25
LG = 7

__________________________

ยกที่ 8: การประหยัดไฟ (Energy Saving)
คงต้องบอกก่อนว่าขนาดจอของ LG ใหญ่กว่า 2″ คิดเป็นพื้นที่คือ 12% กลังเครื่องระบุว่า LG 42LE5500 ทานไฟแบบ Full On (max) ที่ 150 Watts ส่วน Samsung 40″ ทานไฟที่ 140 Watts แล้วผมใช้โหมดประหยัดพลังงาน+เอาเครื่องวัดการกินไฟ Power Consumption Meter ลองวัดไฟดู การกินไฟก็ในที่ Mode จะถัวๆลงมาพอๆกันครับ !!!

คะแนนยกที่ 8: ประหยัดไฟ (Energy Saving)
ทั้งคู่มีความสามารถในการประหยัดไฟได้ดีพอๆกันครับ ถ้าเป็น LG แนะนำให้เปิด LED Local Dimming ไว้ด้วยจะช่วยให้ประหยัดไฟขึ้นได้อีกนิดหน่อย
Samsung = 8
LG = 8

 ยกที่ 9: ช่องต่อ (Connectivity)
สำหรับช่องต่อนั้น พวก HDMI 4 ช่อง, USB 2 ช่องที่เล่นไฟลืหนัง Hidef ได้, Optical Out และก็มีอื่นๆที่ค่อนข้างคล้ายกันครับ แต่ที่ผมเน้นก็คือช่องต่อของ LG นั้นมีการวาง Layout ที่ทำให้เสียบสายสัญญาณได้ง่ายกว่า ไม่ว่าจะตั้งโต๊ะหรือแขวนผนัง (มีชุดสาย Apaptor มากให้) ในขณะที่ Samsung ถ้าจะต่อ Component หรือ AV ต้องใช้ Adaptor อย่างเดียวเลยเท่านั้นครับ ทำให้ยกนี้ LG เฉือนไปเพราะ User Friendly และจำนวนช่องต่อเช่น Component และ AV ที่มากกว่า

Samsung ช่องต่อด้านหลังเป็นแบบเสียบจากล่างขึ้นบน 
มีช่องต่อ AV และ Component ที่ต้องใช้ Adaptor 
ในขณะที่ของ LG มีช่องต่อมาตรึม เป็นแบบเสียบเข้าจากด้านหลังปกติ
 

HDMI Samsung ไปอัดกระจุกกันที่ด้านข้าง 4 Ports  และ USB 2 Ports
ในขณะที่ LG ด้านข้างมีช่องต่อ HDMI ให้มา 1 ช่อง
และมีช่องต่อที่สามารถใช้สาย Adaptor AV และ Component เชื่อมต่อเวลาแขวนได้


สาย AV และ Component Adaptor แถมมาทั้งคู่ทั้ง LG และ Samsung

คะแนนยกที่ 9: ช่องต่อ (Connectivity)
ช่องต่อ LG ให้มาเยอะกว่านิดหน่อย แถม AV และ Component มีแบบทั้ง ไม่ใช้ Adaptor และ ใช้ Adaptor ซึ่งสะดวกต่อการใช้งานมากกว่าจริงๆ จึงทำให้ยกนี้ LG เฉือนชนะไปอย่างเป็นเอกฉันท์
Samsung = 7.5
LG = 8

__________________________

ยกที่ 10: ลูกเล่น (Extra)
มาถึงยกที่ 10 แล้วครับ LG ยกนี้ชิงความได้เปรียบเพราะมีฟังก์ชั่น NestCast เล่นเว็บอย่าง YouTube, Picasa, Accuweather ได้ ในขณะที่ Samsung ไม่มี รวมถึงฟังก์ชั่น Bluetooth ที่เป็นอีกลูกเล่นของ LG ด้วยครับ ส่งภาพและเพลงไปแสดงบนจอทีวีได้เลย ในขณะที่ Samsung มีทีเด็ดแค่อย่างเดียวคือ PIP หรือ Pictire in Picture ฟังก์ชั่นภาพซ้อนภาพนั่นเอง เลยโดน LG รุมกินโต๊ะซะเกลี้ยงเลย !!!


Samsung มี PIP ภาพซ้อนภาพครับ


LG รุมกินโต๊ะด้วย “เกมส์” / “Bluetooth” / NetCast ของเล่นมาตรึม !!!
ใครชอบทีวีที่ลูกเล่นเยอะๆ LG ไม่มีผิดหวัง
 
คะแนนยกที่ 10: ลูกเล่น (Extra)
ยกนี้ LG รุมกินโต๊ะด้วยลูกเล่นที่กระหน่ำให้มาอย่างไม่ยั้งครับ นี่ยังไม่นับ Wireless AV Link ที่เป็น Brand เดียวที่มีเทคโนโลยีนี้นะเนี่ย แต่เพราะอุปกรณ์เสริมยังไม่เข้ามาขายไนไทยเลยไม่เคยทดสอบครับ อย่างไรก็ตามยกนี้ LG เฉือนไป “ลูกครึ่ง” ชนะไปแบบขาดลอย
Samsung = 7
LG = 8.5
 
__________________________
ยกที่ 11: ขนาดของจอ (Size)
แน่นอนครับว่า Samsung นั้นมีแต่ขนาด 40″ เท่านั้น ในขณะที่ LG ทำมาเป็น 42″ ทั้งหมด ตัวเลขอาจจะดูห่างกันเล็กน้อย “ก็แค่ 2 นิ้ว” แต่พอเทียบเป็นพื้นที่จริงๆก็ประมาณ “12%” เลยทีเดียวเชียว ลองดูภาพด้านล่างเปรียบเทียบได้ว่า “ความใหญ่ของจอ” นั้นทำให้ภาพ “ใหญ่สะใจขึ้นจริงๆ” และมันเป็นปัจจัยหลักที่กลุ่มลูกค้าคนไทยเราชอบมากครับ (สังเกตุ Plasma TV 50″ ขายดีมาก) ราคา 40″ และ 42″ ก็พอๆกันครับเลยจำเป็นต้องเอามาเป็นปัจจัยเปรียบเทียบกันในครั้งนี้ครับ
 

40″ ของ Samsung VS 42″ ของ LG

คะแนนยกที่ 11: ขนาดของจอ (Size)
ราคาเท่ากันแต่ได้จอใหญ่กว่าถึง 12% ทำให้ LG เฉือนไปอย่างหวุดหวิดครับในยกนี้
Samsung = 7
LG = 8
 

__________________________

 

ยกที่ 12:  ราคาและความคุ้มค่า (Price & Value)
LED TV ทั้ง 2 ตัวนี้มีราคาเท่ากันคือ 49,990 บาท ส่วนท่านไหนหาราคาจากร้านค้าในนี้ได้ถูกกว่านี้ก็ลองสืบดุเอาเองครับ คำถามคือ “ตัวไหนคุ้มกว่ากัน?” ผมสรุปว่า “คุ้มทั้งคู่ครับ” แต่คุ้มกันคนละแบบ ดูจากข้อดีข้อเสียที่เปรียบเทียบกันในยกก่อนๆ หากจะเน้น “ภาพเป็นหลักทั้ง HD & SD” ผมว่า Samsung ภาพดีกว่าตอบโจทย์ในจุดนี้ได้ครับ แต่หากต้องการ “จอใหญ่กว่า” และ “ลูกเล่น+การเชื่อมต่อ”ให้มาเต็มเปี่ยมก็เลือก LG ครับ ดังนี้หากพูดถึงเรื่อง “ความคุ้มค่า” นั้นผมให้เสมอกันครับ

              
การประชันกันในศึกกิมจิ LED TV นรกแตกระหว่าง Samsung VS LG 

 

คะแนนยกที่ 12: ราคาและความคุ้มค่า (Price & Value)
Samsung = 8
LG = 8

 Google Android OS นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งระบบปฏิบัติการที่คู่คี่สูสีกับ Apple iOS โดยขณะนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง มีทั้งแอพมากมาย และบราวเซอร์ประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังอนุญาตให้ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ปรับแต่ง OS ได้ตามต้องการ ขึ้นอยู่กับแต่ละผลิตภัณฑ์ของตน และตอนที่มีข่าวเรื่อง Apple iPad ออกมา เราคงจะได้เห็นคู่แข่งของ Apple หลายเจ้าออกมาผลิตฮาร์ดแวร์แนวเดียวกันออกมากมายไม่ว่าจะเป็น ASUS, Dell, MSI, Samsung และอีกมากมาย โดยการเปลี่ยนครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโลกแห่งคอมพิวติ้งเลยทีเดียวครับ ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ Apple ยังคงเป็นผู้นำเรื่อง 1 OS แต่ใช้ได้หลากหลายอุปกรณ์ แต่สำหรับ Android โลกแห่งความเป็นจริง ไม่ง่ายอย่างนั้น?

เหตุผลแรกเพราะว่าเทเบล็ตนั้นไม่ใช่ฮาร์ดแวร์ที่ Google ใช้ในการอ้างอิงการออกแบบระบบปฏิบัติการตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที นั่นหมายความว่าการนำ Android ไปใช้กับอุปกรณ์ที่แปลกและแตกต่างออกไปนั้นทำได้ยากเช่นเดียวกัน (ปัญหาเช่นเดียวกันกับบนโทรศัพท์ที๋ฮาร์ดแวร์แตกต่างออกไปมาก) เทเบล็ตที่รัน Android นั้นจะไม่สามารถเข้าถึง Android Marketplace ได้ทำให้บริษัทต่างๆแก้ปัญหาโดยการสร้าง Marketplace ของตนเองบนอุปกรณ์ที่สร้างขึ้น และนั้นคงไม่ใช้การแก้ไขปัญหาที่ดีอย่างแน่นอนครับ และนอกจากนี้ แอพลิเคชั่นมาตรฐานของ Android นั้นก็ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับเทเบล็ตอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น Google Maps และ Gmail ทำให้ตอนนี้การออกเทเบล็ตโดยใช้ Android เป็นระบบปฏิบัติการนั้นค่อนข้างติดขัดพอสมควร แต่ปัญหาทั้งหมดจะถูกเฉลยด้วย Android OS 3.0 นั่นเอง

Gingerbread คือชื่อรหัสที่ใช้เรียก Android 3.0 โดยมีข่าวลือมาว่าความต้องการฮาร์ดแวร์ขั้นต่ำของมันนั้นเท่ากับ Windows Phone 7 เลยทีเดียว (1GHz CPU, 512MB RAM) นอกจากนี้ยังสนับสนุนจอขนาดใหญ่ซึ่งอาจจะใหญ่ได้ถึง 1366 คูณ 768 พิกเซล อีกด้วย โดยไซต์นี้เป็นไซต์ที่เหมาะสมสำหรับเทเบล็ตเลยทีเดียว นอกจากนี้ในเวอร์ชั่นใหม่ เราจะได้เห็นหน้าตาที่จะถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด หากเป็นไปตามแผน Gingerbread จะเป็น Android OS ที่ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ และเราๆรอคอยกัน โดยปัญหา multiple marketplace ก็จะได้รับการแก้ไข นักพัฒนา App ก็จะสบาย เพราะพัฒนาเพียงครั้งเดียว

กระนั้น Android 3.0 Gingerbread ก็ยังไม่เปิดตัวกระทั่งปลายนี้ และมันอาจจะไม่เร็วเพียงพอที่จะออกมาต่อกรกับ iPad ซึ่งน่าจะทำตลาดไปแล้วระยะใหญ่ๆ หากใครกำลังเล็งเทเบล็ต ตอนนี้คงคิดหนักว่าจะเอา iPad ที่ดีอยู่แล้ว หรือจะรอ Android 3.0 ดีกันแน่

ใครจะรู้ว่าบริษัทมือถืออย่างโนเกียก็สนใจโน้ตบุ๊ก และนี่นับเป็นการต่อยอดจากการเปิดตัว Nokia Ovi ซึ่งเป็นชุดเวบแอพลิเคชั่นสำหรับผู้ใช้มือถือ ได้พบกับเนทบุ๊กใหม่ที่ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของตนเองอย่างแท้จริง

Nokia Booklet 3G นั้นมาพร้อมเสปคที่กระเบียดไปทางเนทบุ๊ก อย่างเช่น Atom processor หน้าจอ 10 นิ้ว แต่ระบบแบตเตอรี่ เป็ฯที่หน้าสนใจมาก ด้วยการใช้งานที่ยาวนานได้ถึง 12 ชั่วโมงสำหรับการชาร์ตเพียงครั้งเดียง นอกจากนี้ ยังมีระบบการเชื่อมต่อแบบ 3G และ GPS ให้มาพร้อมกันด้วย

ตัวเครื่องทำด้วยอลูมิเนียมอย่างดี และมันหนาเพียง 0.78 นิ้วเท่านั้น ที่สำคัญ ยังมีพอร์ต HDMI สำหรับต่อขึ้นจอภายนอกด้วย และที่สำคัญ Nokia ยังน่าจะให้การ์ดจอที่ดีกว่าเนทบุ๊กทั่วไป อย่างเช่น GMA500 หรือ 950 อย่างแน่นอน เพราะสองตัวนี้ไม่สนับสนุน HDMI

Nokia ใช้ Microsoft Windows เป็นระบบปฏิบัติการหลัก รายละเอียดเพิ่มเติมยังคงไม่เปิดเผยในตอนนี้ สำหรับใครที่กระหายใครรู้ โนเกียกระซิบกับเราว่า คุณจะได้พบกับความเร้าใจนี้อย่างแน่นอนในวันที่ 2 กันยายน

มาหลัง แต่แรง และได้ใจไปเต็มๆ สำหรับ Nokia Booklet 3G